ครอบครัวของคุณมีนิสัยการนอนอย่างไร มีประเพณีการเข้านอนดึก ตื่นสาย หรือดูโทรทัศน์ก่อนนอนหรือไม่ หากมี จะมีผลตามมาอย่างไร
นิสัยและกิจวัตรประจำวันในการนอนหลับมีความสำคัญตลอดชีวิตและมีบทบาทสำคัญไม่เพียงแต่ในการรักษาสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นักเรียนทุกวัยสามารถเป็นคนที่ดีที่สุดเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ด้วย
กระบวนการนอนหลับและการเรียนรู้: สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้
คุณภาพและปริมาณการนอนหลับของคนๆ หนึ่งมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และความจำ
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยพัฒนาการเรียนรู้และความจำได้ 2 วิธี ตามที่โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดกล่าวไว้:
- การนอนหลับไม่เพียงพอ สมาธิ และความจำ การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลต่อสมาธิและความจำ การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้สมาธิและการเรียนรู้ลดลง
- การนอนหลับไม่เพียงพอและการคงไว้ซึ่งความจำ การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้สูญเสียความจำและความสามารถในการจดจำข้อมูล
อารมณ์ ประสิทธิภาพการเรียนรู้ หัวใจ และสมอง ล้วนได้รับผลกระทบจากการนอนหลับไม่เพียงพอ เมื่อเด็กนอนหลับไม่เพียงพอ เซลล์ประสาทจะทำงานผิดปกติและสูญเสียการเข้าถึงความรู้
นิสัยการนอนหลับที่ดีขึ้น—คำแนะนำสำหรับนักเรียน
จะทำให้ลูกๆ นอนหลับ 8 ชั่วโมงทุกคืนได้อย่างไร?
- กิจวัตรก่อนนอนที่สม่ำเสมอ กิจวัตรก่อนนอนที่สม่ำเสมอสำหรับเด็กช่วยเตรียมจิตใจและร่างกายให้พร้อมสำหรับการนอนหลับ
เด็กๆ สามารถผ่อนคลายและปรับตัวให้เข้ากับตารางเวลาได้ โดยกิจวัตรนี้ได้แก่ การแปรงฟัน การใส่ชุดนอน การอาบน้ำ และการอ่านหนังสือเป็นเวลา 20 นาที กิจวัตรนี้จะช่วยให้เด็กๆ ผ่อนคลายและรู้สึกปลอดภัย
- ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
แสงสีฟ้าจากจอภาพอาจรบกวนการนอนหลับ การได้รับแสงสีฟ้าจะไปรบกวนจังหวะการทำงานของร่างกายและยับยั้งการทำงานของเมลาโทนิน แทนที่จะใช้แสงสีฟ้า ให้ใช้แสงสีแดงสลัวๆ ก่อนนอน แสงสีแดงจะส่งผลต่อจังหวะการทำงานของร่างกายและเมลาโทนินน้อยกว่า นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ที่มีแสงจ้า 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจำกัดเวลาหน้าจอ
- สร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย
เด็ก ๆ จะพลิกตัวไปมาบ่อยขึ้นหากสภาพแวดล้อมในการนอนไม่สบาย การสร้างห้องนอนที่ไม่มีสิ่งรบกวนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผ่อนคลาย ปรับอุณหภูมิห้องของลูกไว้ที่ 65 องศาเพื่อช่วยให้ร่างกายและสมองของพวกเขาผ่อนคลาย